Story and Photos by Vincent Giordano

Rambaa M-16 Somdet, a product of Pattaya’s famous Sit Or Muay Thai camp, began his rise through the Muay Thai ranks in the early 1990s as a young teenager. His aggressive, flamboyant style and outlandish behavior in the ring brought him a strong but dedicated following, especially on Thai TV. He wanted not only to fight well, but also to entertain the audience in the process. In and out of the ring, Rambaa was a showman. His chronic hijinks seemed to rankle the more conservative Thai audience of the time, but his enthusiasm and fighting spirit slowly won them over.




It was not always easy for the energetic young child growing up near the beaches of Pattaya. “Everyone always chased me away. Nobody wanted me around. People would throw shoes at me. Kick me as I passed them. I felt isolated and alone,” admits Rambaa, solemnly reflecting on his early childhood.

Rambaa

The overactive child soon found his calling when an uncle introduced him to Muay Thai and began training him in his backyard. He practiced religiously and competed whenever he could, eventually joining a Muay Thai camp to live and train full time.

“I absolutely loved fighting and training,” recalls Rambaa. “In the ring, I really felt at home. I had no plan to showboat, it just came out of my desire to entertain the audience. What you see is me. I trained like that, too. I put it all on the line every time.”

Despite his newfound fighting career, he still had enough energy to run the yearly Pattaya marathon. “I found out that you actually got paid if you win 1st or 2nd place, so I entered every year to make some extra money.”

Rambaa

During his lengthy Muay Thai career, he had the opportunity to fight overseas, and one of his fights took him to Japan. He felt at home there, but once again the audience needed to get used to his flamboyant style.

Rambaa soon relocated to Japan and got a job working in a factory. In his spare time, he opened up a small Muay Thai school to teach authentic Thai Boxing to the Japanese. A top-ranked grappler wanted to learn Muay Thai from him, and they agreed to trade lessons so Rambaa could learn the ground game. Mixed Martial Arts was on the rise. Rambaa enthusiastically began cross-training in grappling and MMA, and finally entered the MMA arena as a full-blown mixed martial arts competitor. Rambaa became one of the first Thai boxing fighters to win a MMA championship by claiming the Shooto flyweight belt in 2009.

In early 2016, after his fighting career began to wane, he returned to his hometown of Pattaya, Thailand to open his own Muay Thai/MMA school. His training camp includes not only a ring, but a custom-built octagon cage to prepare fighters for both Muay Thai and grappling/MMA competition.

Rambaa

Rambaa felt it was time to teach the next generation of fighters both in Muay Thai and the newer art of MMA. The small camp draws fighters from all around the world, who join in with young Thai children and fighters who train there full-time. The boundless energy he displayed during his long fighting career is evident in the way he teaches. Rambaa is tireless. He’s extremely well organized and attentive to his students’ needs, from beginners all the way through to advanced competitors.

One thing Rambaa emphasizes from the start is that practitioners should be relaxed and tension-free so they can direct all their energy to execute techniques properly. He often uses the term ‘sanook’, or fun, to highlight the fact that one should relax and breathe throughout the movement.

Rambaa is energized by MMA’s growth in Thailand. He returned to not only train the younger generation in Muay Thai, but also to introduce, educate and spread the art of grappling and MMA so that Thais could actively participate in global competitions. His hopes of one day attending or competing in a UFC event on Thai soil still remains one of his dreams.

The young child who seemed unable to find a place to fit in has finally reached a point in his life where he is loved and respected for who he is. The joy and enthusiasm he brings to teaching every day is a testament to that.

Rambaa Video on YouTube:

Visit Rambaa M-16 Somdet Gym on Facebook.

(Thai Translation)

แรมบ้าสมเดช M-16: ส่องสว่างเส้นทาง

เรื่องและภาพ โดย Vincent Giordano

“แรมบ้า” สมเดช M-16 (Rambaa M-16 Somdet) เป็นผลผลิตแห่งความสำเร็จของค่ายมวยไทยในพัทยา โดยชื่อของแรมบ้าเป็นที่รู้จักในวงการมวยไทยในช่วงต้นยุค 1990 ในฐานะนักมวยวันรุ่น ด้วยสไตล์การชกที่เร้าใจและมีลีลาไม่เหมือนใครในสังเวียนทำให้ได้รับความสนใจอย่างมากมายจากสื่อต่างๆโดยเฉพาะโทรทัศน์ของไทย นักมวยรายนี้ไม่ได้ต้องการเพียงการขึ้นชกสุดความสามารถแต่ยังต้องการให้ความบันเทิงแก่ผู้ชมเช่นกัน ทั้งในและนอกสังเวียน แรมบ้า คือ นักแสดงที่มีพรสวรรค์ การเฉลิมฉลองชัยชนะอย่างยิ่งใหญ่ของเขาอาจทำให้ผู้ชมชาวไทยในยุคนั้นรู้สึกไม่สบอารมณ์มากนัก แต่ด้วยความกระตือรือร้นและจิตวิญญาณแห่งนักสู้สามารถพิชิตใจผู้ชมเหล่านั้นได้ในที่สุด

เป็นเรื่องที่ไม่ยากนักสำหรับเด็กผู้ชายตัวเล็กที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังและต้องเติบโตขึ้นมาท่ามกลางสังคมแห่งเมืองพัทยา แรมบ้าได้กล่าวยอมรับในช่วงชีวิตวัยเด็กที่ขมขื่นว่า “ทุกคนเอาแต่ไล่ผมไป ไม่มีใครให้ผมอยู่บริเวณนั้น ผู้คนมักจะปารองเท้าใส่ผม เตะผมเมื่อผมเดินผ่าน ผมรู้สึกโดดเดี่ยวและเดียวดาย”

Rambaa

แต่ไม่นานหลังจากนั้น เด็กน้อยที่มีพลังเปี่ยมล้นค้นนี้ได้ค้นพบเส้นทางอาชีพของตนเองเมื่อลุงของเขาได้แนะนำศิลปะการต่อสู้มวยไทยให้แก่เขาและเริ่มฝึกซ้อมให้เขาที่หลังบ้าน เด็กน้อยฝึกซ้อมเป็นประจำและเมื่อมีโอกาสเขาจะเข้าร่วมการแข่งขันเสมอ จากนั้นเขาได้เข้าร่วมฝึกกับค่ายมวยและฝึกซ้อมแบบเต็มเวลา

“ผมรักการต่อสู้และการฝึกซ้อมมวย” แรมบ้ากล่าว “เมื่อผมขึ้นสังเวียน ผมรู้สึกเหมือนกับเป็นบ้านอีกหลังของคุณ ผมไม่เคยวางแผนการแสดง ทุกสิ่งทุกอย่างในการให้ความบันเทิงแก่ผู้ชมออกมาจากความรู้สึกตามธรรมชาติ สิ่งที่คุณเห็นคือตัวตนที่แท้จริงของผม โดยผมซ้อมมวยแบบนั้นเช่นกัน”

ในช่วงที่แรมบ้าค้นพบเส้นทางชีวิตในการชกมวย เขายังมีกำลังเหลือในการเข้าร่วมแข่งขันวิ่งมาราธอนที่พัทยา “ผมทราบมาว่าหากวิ่งได้ที่ 1 หรือที่ 2 จะได้รับเงินรางวัล ผมจึงตัดสินใจเข้าร่วมเพื่อหารายได้พิเศษ”

ในช่วงอาชีพชกมวยของแรมบ้า เขาได้มีโอกาสเดินทางไปชกในต่างประเทศและหนึ่งในนั้นคือประเทศญี่ปุ่น เขารู้สึกเหมือนเป็นบ้านอีกหลัง แต่เหมือนกับตอนแรกในเมืองไทยที่ผู้ชมส่วนใหญ่ต้องใช้เวลาในการสร้างความคุ้นเคยกับลีลาการชกที่ยียวนและเร้าใจของเขา

Rambaa

จากนั้นไม่นาน แรมบ้านได้ย้ายไปยังประเทศญี่ปุ่นและได้งานทำที่โรงงานแห่งหนึ่ง เมื่อมีเวลาว่าง เขาได้เปิดโรงเรียนสอนชกมวยไทยแก่ชาวญี่ปุ่น มีนักมวยปล้ำระดับแถวหน้ารายหนึ่งต้องการเรียนชกมวยไทยจากเขาและได้ทำข้อตกลงในการสอนมวยปล้ำเป็นการตอบแทนให้แก่แรมบ้า ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา แรมบ้านเริ่มเรียนศิลปะการต่อสู้แบบผสม ทั้งมวยปล้ำและ MMA ท้ายที่สุดได้เข้าแข่งขันการชก MMAเช่นกันและแรมบ้าได้กลายเป็นนักชกไทยรายแรกที่คว้าแชมป์ MMA ในการขึ้นชกกับ Shooto ในรุ่น

ฟลายเวท ในปี 2552

ในต้นปี 2559 หลังจากที่เส้นทางนักชกอาชีพของเขากำลังจะจบลง แรมบ้าได้เดินทางกลับไปยังบ้านเกิดในพัทยาและเปิดค่ายมวยไทยและ MMA โดยค่ายมวยแห่งนี้ไม่ได้มีเพียงสังเวียนแบบทั่วไปแต่ยังมีคอกกั้นที่ได้รับการออกแบบสำหรับการแข่งขันการชกมวยปล้ำและ

แรมบ้ารู้สึกว่าถึงเวลาแล้วในการสอนศิลปะการชกมวยไทยและ MMA ให้แก่เยาวชนรุ่นใหม่ โดยค่ายมวยเล็กของเขาเป็นที่สนใจของนักชกจากทั่วโลกที่เข้าร่วมการซ้อมกับนักชกเด็กไทยรุ่นใหม่และนักชกอาชีพ พลังที่ไม่มีที่สิ้นสุดที่แรมบ้าได้แสดงให้เราทุกคนได้เห็นตลอดอาชีพนักชกเป็นสิ่งที่พิสูจน์ให้เห็นแล้วในวิธีการสอนของเขา แรมบ้าไม่เคยเหน็ดเหนื่อย เป็นคนที่เตรียมพร้อมอย่างดีเยี่ยมและให้ความเอาใจใส่ในทุกความต้องการของนักเรียนทุกคนตั้งแต่ระดับเริ่มต้นจนถึงนักชกขั้นสูง

Rambaa

สิ่งหนึ่งที่แรมบ้าเน้นย้ำตั้งแต่ต้นคือการที่ผู้ฝึกซ้อมทุกคนควรหาเวลาในการผ่อนคลายและไม่เครียดเพื่อที่สามารถใช้พละกำลังที่มีทั้งหมดในการใช้เทคนิคการชกอย่างถูกต้อง แรมบ้ามักใช้คำว่าการชกอย่าง ‘สนุก’ อยู่เสมอเพื่อให้นักชกผ่อนคลายและหายใจอย่างทั่วท้องในทุกๆการเคลื่อนไหว

แรมบ้าคือผู้ที่กระตุ้นการเติบโตของ MMA ในประเทศไทย โดยเขาไม่เพียงแต่ฝึกซ้อมมวยไทยให้แก่นักชกเยาวชนรุ่นใหม่แต่ยังนำเสนอ ให้การศึกษาและเผยแพร่ศิลปะการปลุกปล้ำต่อสู้และ MMA เพื่อที่ชาวไทยสามารถเข้าร่วมในการแข่งขันระดับโลกได้ ความหวังของแรมบ้าคือการที่ได้เข้าร่วมหรือแข่งขันในศึก UFC ที่จัดขึ้นในประเทศไทยสักครั้งหนึ่งในชีวิต

จากอดีตเด็กผู้ชายตัวเล็กที่ดูเหมือนว่าไม่มีที่ไหนที่ต้อนรับเขา ในที่สุดได้เดินทางมาถึงช่วงของชีวิตที่ทุกๆคนให้ความรักและเคารพต่อเขา ความสุขและความกระตือรือร้นที่เขาได้นำมาใช้ในการสอนทุกๆวันนั้นเป็นเครื่องพิสูจน์ได้อย่างดี

วิดีโอแรมบ้าบน YouTube:

ค่ายมวยแรมบ้า M-16 สมเด็จบน Facebook.

Author V.M. Simandan

is a Beijing-based Romanian positive psychology counsellor and former competitive archer

More posts by V.M. Simandan

Leave a Reply

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.

V.M. Simandan